วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2567 เวลา 8:30 น. ณ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตัวแทน ‘กลุ่มร่วมสู้ Zipmex’ นัดร่วมฟังคำพิพากษาที่มีผู้เสียหายยื่นฟ้อง บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) และ นายเอกลาภ ยิ้มวิไล เป็นจำเลยในคดีอาญาฐานร่วมกันยักยอกฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ สืบเนื่องจากกรณีปัญหาการลงทุนสินทรัพย์จิทัลกับ Zipmex ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกค้าผู้ลงทุนหลายราย เสียหายรวมกันหลายพันล้านบาท
คดีนี้สืบเนื่องจาก Zipmex ซึ่งเคยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทการเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนจิทัล ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดีจิทัลฯ) ได้กระทำการที่ก่อความเสียหายต่อนักลงทุน ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พบการกระทำความผิดหลายกรณีและได้กล่าวโทษจำเลยไปยังเจ้าหน้าที่ดำรวจให้ดำเนินคดีอาญา อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดีจิทัลของ Zipmex ตั้งแต่ว้นที่ 28 พฤษภาคม 2567
นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ที่ปรึกษาสำนักกฎหมาย VLA ผู้รับมอบอำนาจผู้เสียหาย ‘กลุ่มร่วมสู้ Zipmex’ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีผู้เสียหายกว่า 400 ราย ยอดเสียหายรวมกันกว่า 1,400 ล้านบาท มอบอำนาจให้ตนเตรียมยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องกับ Zipmex โดยทางกลุ่มจะมีตัวแทนโจทก์ยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม (Consumer Class Action) เพื่อเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องในศาลไทย และทางกลุ่มได้ว่าจ้างนักกฎหมายในต่างประเทศ เพื่อศึกษาช่องทางการเอาผิดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในต่างประเทศไปพร้อมกันด้วย
ด้านตัวแทนผู้เสียหายและผู้ประสานงาน ‘กลุ่มร่วมสู้ Zipmex’ เปิดเผยว่าการฟ้องคดีแบบกลุ่มที่จะเป็นที่พึ่งให้กับ ผู้เสียหายที่ไม่สามารถว่าจ้างทนายขึ้นศาลดำเนินคดีกับ Zipmex ด้วยตนเอง เพราะคดีนี้สามารถส่งผลต่อผู้เสียหายทุกราย และไม่ว่าผลคำตัดสินในคดีอาญาที่ประชาชนฟ้องไปก่อนนี้จะออกมาอย่างไร ทางกลุ่มจะมุ่งเดินหน้ารวบรวมหลักฐานทั้งในและต่างประเทศเพื่อยื่นฟ้องคดีแพ่ง และประสานงานใกล้ชิดกับทาง สำนักงาน ก.ล.ต. และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้คดีแพ่งเดินหน้าควบคู่ไปพร้อมกับคดีอาญาแผ่นดินที่ดำเนินการโดยภาครัฐด้วย อีกทั้งวิงวอนขอให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ตลอดจนกรมสอบสวนคดีพิเศษช่วยเร่งหาข้อสรุปเพื่อดำเนินคดีอาญาให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด